สวนสัตว์เปิด Featherdale Wildlife Park


นอกใจ Opera House...
หนีเที่ยวสวนสัตว์สุดคุ้ม
นอกเมืองซิดนีย์

Featherdale Wildlife Park


ฉันได้มีโอกา สได้ไปเที่ยวสวนสัตว์แห่งหนึ่งในซิดนีย์มาแล้ว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย เดินทางไปง่าย แต่ครั้งนั้นเหมือนยังมาไม่ถึงซิดนีย์เต็มๆ ตัว เพราะได้เห็นแค่สัตว์กลางคืนตัวจิ๊ดๆ อย่าง หนูป่า แมงมุม ค้างคาว ซึ่งบ้านเราก็หน้าตาไม่ต่างกัน แถมค่าเข้ายังแพงหูฉี่ บวกกับค่าถ่ายรูปกับหมี Koala ครึ่งหลับครึ่งตื่นเพิ่มอีกสิบห้าเหรียญ แพงแต่ไม่ค่อยได้อะไร แต่วันนี้จะลองไปสวนสัตว์ อีกที่ ที่ต้องนั่งรถออกจากตัวเมืองอีำก ไกลหน่อย แต่เพื่อนแนะนำมาว่าคุ้มชัวร์ ราคาถูกกว่า แถมยังได้นั่งดูวิวริมทางนอกเมืองซิดนีย์อีกด้วย คือ สวนสัตว์ "Featherdale Wildlife Park"


ได้ ยินกัปตันประกาศอุณหภูมิขณะนี้ในซิดนีย์ ผ่านทางลำโพงบนเครื่องบินแล้วก็แอบหวั่นๆ ไม่มั่นใจว่าแผนการไปเที่ยวสวนสัตว์วันนี้จะต้องพับเก็บไปหรือไม่ อุตส่าห์ตั้งใจไว้แล้วเชียวว่ามาซิดนีย์ครั้งนี้ ต้องได้เข้าใกล้หมี Koala กับจิงโจ้ตัวเป็นๆ ให้ได้ แต่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียสกลางเดือนสิงหาคม ลมเย็นโกรกสุดๆ กลับมาอาจจะป่วยไม่ใช้น้อย แต่ก็ลังเลใจได้แค่เดี๋ยวเดียว เพราะสุดท้ายเมื่อเครื่องลงจอด Check-in เข้าโรงแรม ดึงข้าวดึงของและเสื้อผ้าออกจากกระเป๋่าเดินทาง สะพายกล้องตัวโปรดและแนบแผนที่ใบโตๆ ไว้ในกระเป๋าเรียบร้อย ฉันก็ถลาออกนอกประตูห้องทันที

สวนสัตว์แห่งนี้ ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินซิดนีย์ประมาณ 45 นาที หรือห่างจากตัวเมือง 40 นาที เมื่อเดินทางโดยรถไฟ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ

ฉัน ขึ้นรถไฟที่สถานี Central ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Thai Town และ China Town ของซิดนีย์ ซื้อตั๋วแบบ Retarn กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปชานชาลาหมายเลข 18 เืพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังสถานีสุดท้ายคือ Blacktown


สถานี รถไฟของที่นี่แม้จะไม่ได้ใหม่และไฮโซสุดๆ แต่ก็สะดวกสบายไม่แพ้ใคร มีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ เข้าใจง่าย ไม่หลง เพราะฉันคือเจ้าแม่งงทิศตัวยง ฉะนั้นเชื่อเถอะเวลาฉันบอกว่าไม่หลง ก็คือไม่หลงจริงๆ

ระหว่าง ทาง ฉันก็ชมวิวไปเรื่อยเปื่อย ดูบ้านเรือนของคนที่นี่ว่า เขาอยู่กันยังไง หูก็ฟังน้องเด็กมัธยมแห่งโรงเรียน Boarding School ของที่นี่นั่งคุยกันข้างๆ ฉันไปด้วย ได้อารมณ์ "เที่ยวนอกเมือง" มากๆ เพราะ Uniform ของน้องเด็กมัธยมที่นี่ก็หรูได้ใจ ผูกไทใส่สูทกันสุดฤทธิ์ " Go Inter" สุดๆ ส่วนอีกหูก็แบ่งไปฟังประกาศชื่อสถานีของย่านดังๆ รายทางไปเรื่อย เช่น พาราัมัตตา ไปจนถึงสถานีเป้าหมายคือ Blacktown

เมื่อลงรถไฟ ก็ต่อรถเมล์อีกทอดที่ป้ายหมายเลข9 แค่ 10 นาที ก็มาถึงสวนสัตว์ Featherdale Wildlife Park ทางเข้าไม่หรูหรา แต่ด้านในมีที่จอดรถไว้บริการพร้อม ฉันซื้อตั๋วเข้าชมในราคาแค่ 20 เหรียญ



สวนสัตว์นี้เรียบๆ ง่ายๆ ไม่มีพิธีีรีตองมากมาย แต่ที่น่าสนใจสุดๆ เลย คือ ที่นี่เป็นสวนสัตว์เปิด อยากเข้าใกล้จิงโจ้ ก็ได้เข้าใกล้จริงๆ แบบถึงเนื้อถึงตัวเลยก็ว่าได้ จิงโจ้กระโดดดึ๋งๆ ผ่านหน้ากันเลยทีเดียว หมี Koala ก็มีอยู่หลายตัวให้เลือกถ่ายรูป มีทั้งหมีหลับหมีตื่น แถมยังมีหมีเกาะไม้ให้ถ่ายรูปแบบใกล้ชิด มีแค่เจ้าหน้าที่คนเดียวคอยดูอยู่ห่างๆ เข้าไปถ่ายคู่ได้เลย ไม่เสียเงินเพิ่ม นอกจากนั้นเขายังเตรียมอาหารจิงโจ้ และกรวยเวเฟอร์ไว้ให้ตักกันเอง มีกระบะไว้ให้วางเิงินเองแบบไว้ใจกันสุดๆ กรวยแต่ละอันแค่เหรียญเดียว จิงโจ้ก็จะกระโดดดึ๋งมาชะเง้อขอกินอาหารจากมือเรา ลูบหัวลูบหางกันได้ ไม่ถีบ ไม่กัด อยากจะขอลายเซ็นก็เชิญตามสบาย แต่นกอีมูตัว เบ้อเร่อที่เดินเล่นอยู่บริเวณเดียวกันนี่สิ เดินเข้ามาขอกินด้วย ตัวสูงเท่าคน ตัวใหญ่เท่านกกระจอกเทศ แรงจิกมหาศาล ทำเอาฉันรีบวิ่งไปตักอาหารมาใหม่ แล้ววางให้เจ้านกนี่กินไปเลยตัวเดียว น่ากลัวดีแท้

นอกจากนี้ยังมีนกแปลกๆ อีกเีพียบ รวมทั้งเจ้า นกเพนกวิน ขนาด พกพา น่ารักเป็นที่สุด สัตว์อื่นๆ ก็น่าสนใจไม่น้อยหน้า เช่น ไก่งวงตัวกลม เจ้าอ้วน Wombat เจ้าจิ๋วที่หน้าเหมือน Wallaby แต่สีขาว น้องหมา Dingo แนะนกแปลกๆ ก็ปินออกมานอกรั้วเตี้ยๆ นั่งตัวกลมให้เราถ่ายรูปมาฝากกัน

ประสบการณ์นี้คุ้มค่าหนาว และคุ้มค่าเงินจริงๆ เพราะไปแล้วลืมหนาว ได้เข้าใกล้จิงโจ้ และ หมี Koala สัตว์สัญลักษณ์ของประเทศออสเตรเลียแบบประชิดตัว คุ้มค่า สมราคาคุยเป็นที่สุด อย่างนี้สิถึงจะเรียกวามาถึงประเทศออสซี่แล้วจริงๆ เสร็จแล้วก็แวะร้านขายของที่ระลึกเสียหน่อยก่อนกลับ

ขามาง่ายยังไง ขากลับก็ง่ายอย่างนั้น มาทางไหนกลับทางนั้นกันไปเลย แถมยังเร็วกว่าด้วยเพราะมีรถไฟแบบ Express คือหยุดแค่บางสถานีไปจนถึงสถานีเดิมที่ฉันขึ้นมา คือ Central

เช็ค บิลค่าประสบการณ์ครั้งนี้ ค่ารถไฟไปกลับ 6.40 เหรียญ ค่ารถเมล์ไปกลับ 3.60 เหรียญ ค่าเข้า 20 เหรียญ ค่าอาหารจิงโจ้ 10 เหรียญ รวม 31 เหรียญ หรือประมาณ 1000 บาท ใช้เวลาเดินรอบสวนไม่เกิน 3 ชั่วโมง การเิดินทางไปกลับรอบลุ 40 นาที รวมประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง เสียเวลาไปไม่ถึงครึ่งวัน แต่ได้รูปและประสบการณ์ดีๆ มาเพียบ


หากใครได้มีโอกาสไปเยือนซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย อย่าลืมเจียดเวลาในตาราง เอาสวนสัตว์ Featherdale Wildlife Park ใส่เข้าไปเป็นหนึ่งใน To Do List ด้วย เพราะบอกได้คำเดียวว่า คุ้มสุดๆ จริงๆ

"Perth" I call it...."A Little Doll-House City"

...ตกหลุมรักอีกครั้งที่เพิร์ืท


เพิ่งย่างเข้าอายุ 25 หมาดๆ ทางเดินชีวิตของผู้เขียน ก็คล้ายๆ กับทริปนี้ "ไม่รู้จะคาดหวังอะไรจากมัน" เดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหนื่อย แล้วค่อยนั่งคิดอะไรไปคนเดียวว่า "ฉันมาทำอะไรที่นี่" คาดหวังหรือวางแผนอะไรก็ไม่ค่อยจะไปตามแผน แล้วก็ต้องมาติดอยู่กับอะไร "งงๆ" ที่ชีวิตยังหาคำตอบไม่ได้ มองไม่เห็นว่าอีก 20 - 30 ปีข้างหน้าชีิวิตจะดำเนินไปทางไหน แล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจว่า ที่ผ่านมาชีวิตมันไุถลมาจนถึงจุดๆ นี้ได้อย่างไร แต่หน้าตาเพื่อนรอบโต๊ะก็เดิมๆ คงจะรู้สึกคล้ายๆ กัน

หน้าที่การงานพาผู้เขียนมาที่เพิร์ท เมืองเงียบๆ เมืองหนึ่งของ
ออสเตรเลีย อย่างไม่ตั้งใจ ไม่มีเเผนให้วางและไม่รู้จะคาดหวังอะไรจากเมืองๆ นี้ แต่ด้วยเวลาว่างที่มีอยู่มากมายในทริปนี้ ผู้เขียนจึงตัดสินใจออกเดินจากโรงแรม มุ่งหน้าสูุ่ Hoy Street ตัด William Street ลัดเลาะไปตรอก London Court แล้วเดินไถลไปไกลถึง Riverside Drive นั่งเล่นบนหญ้าในสวนริมแม่น้ำจนถึงสองสามทุ่ม เพราะึถึงจะค่ำป่านนี้แล้วดวงอาทิตย์ก็ยังไม่ตกที่เพิร์ท แล้วผู้เขียนก็ได้คำตอบ...

สังเกต ได้ ว่าที่ที่ผู้เขียนเดินไปเที่ยว ไม่ใช่ Major Tourist Attraction หรือไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่นของเพิร์ทอย่าง Free Mantle หรือ Swan Lake ซักเท่าไหร่ แต่เพราะเหตุเดียวกัน ที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึก "พิเศษ" ราวกับว่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ครั้งนี้ถูกสร้างมาเพื่อผู้เขียนเพียงผู้เดียว...ไม่ต้องแย่งกับใคร สิ่งละอันพันละน้อยของเมืองนี้นี่แหละที่ดึงดูดสายตา ชวนให้อารมณ์ดีในทุกๆ ก้าวที่เดินไป ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เราไม่คาดหวังที่สุดนี่แหละ อาจจะเป็นกุญแจสู่ความสุขในแต่ละวันของชีวิต


ย่าน ที่ผู้เขึยนเข้าไปเยี่ยมชม มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างตึกอิฐแดงแปลกตาแบบย้อนยุค ตึกระฟ้าแบบเมืองใหญ่และธรรมชาติเหงาๆ ที่ให้ความอบอุ่นใจแบบแปลกๆ ....เหมือนผู้เขียนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง...กลับสู่ความเรียบง่ายที่สามารถทำให้ผู้เขียนยิ้มได้ตลอดทางที่เยี่ยมเพิร์ท

ใน ตัวเมือง ถึงผู้คนจะออกมาเดินกันพลุกพล่านในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ก็ไม่ถึงกับแออัดเหมือนซิดนีย์หรือเมลเบิร์น ผู้คนไม่รีบร้อนจะไปไหน Caf ริมทางเเบบใน Paris เห็นอยู่ริมทางประปราย ตึกเล็กตึกน้อยในความรู้สึก เหมือนผู้เขียนกำลังอยู่ในเมืองบ้านตุ๊กตา ตรอกย้อนยุคอย่าง London Court ชวนให้นึกถึงตรอกไดอากอน แอลลี่ในหนังแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้อย่างดี ร้านรวงเล็กๆ ขายขนม น้ำชาในตึกอิฐสีน้ำตาลเข้ม อย่างเมืองอังกฤษผู้ดีก็ยังมีให้เห็นในตรอกนี้

สวนสวยริมแม่น้ำ อากาศดีๆ ก็ยังมีให้ชื่นชมในโลกแออัดใบนี้... ผู้เขียนไปนั่งข้างๆ ต้นปาล์ม ริมแม่น้ำกว้าง... คนเมืองเพิร์ทเริ่มออกมาวิ่งกันแล้วในยามเย็น ตรงข้ามกับเรือยอชขนาดย่อมที่เริ่มล่องกลับเข้าฝั่ง...

ผู้เขียนตก หลุมรักอีกครั้งที่เพิร์ท ...ตกหลุมรักโลกเยินๆ ใบนี้ เพราะในซอกหลืบที่ไกลตาออกไป... แม้คุณจะมองไม่เห็น มันก็ยังมีความสวยงามให้ตั้งตาคอยเพื่อพานพบ ...และผู้เขียนก็ตกหลุมรักตัวเอง...รักชีวิตของตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่หลงลืมมันไปนาน และเข้าใจว่าทุกวินาทีที่ผ่านมา มันไม่เคยสูญเปล่า ทุกๆ ย่างก้าวที่ผ่านมา ไม่ว่าจะผิดพลั้งหรือเป็นก้าวที่ถูกต้อง มันก็พาผู้เขียนให้มาเจอคำตอบให้ชีวิตโล่งๆ ที่เพิร์ท

คำ ตอบของชีวิตที่ผู้เขียนได้ คือ "เหมือนธรรมชาติกำหนดชีวิตได้ ชีวิตท้อเมื่อไหร่ ก็ชอบส่งกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ให้ใจพองๆ มีเเรงเดินหน้าต่อ ...อาจจะไปได้อีกไม่ไกลมาก็ท้ออีก แต่ก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆ ไม่มีกำลังใจจะเดินหน้าไปไหนเลย คราวนี้ ธรรมชาติส่งผู้เขียนมาที่เพิร์ท เพื่อมาเจอะเจอกับความสวยงามเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ต้องเสียเงินซักเหรียญ เพื่อรีชาร์จชีวิต"


Perth เป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางฝั่งตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย และไดู้ถูกจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อันดับ 4 ของโลกในปี 2008 โดยนิตยสาร Eco

.........................................................................................................................................................................
ป้ายกำกับ: 0 ความคิดเห็น | edit post